ุ6 Refectoring code

ที่ผ่านมา ทุกครั้งเวลาเขียนเทส เราจะสร้าง object ของคลาสที่ต้องการจะเทสขึ้นมา แล้วก็จะทดสอบการเท่ากัน. ในตัวอย่างนี้ เราจะมีโปรแกรมเปลี่ยน องศาฟาเรนไฮซ์ เป็น เซลเซียส และก็กลับกัน โดยที่เราจะมี  Interface ตัวหนึ่ง แล้วจะมีคลาส 2 คลาสคือ Celsius กับ Fahrenheit ดังรูป




Celsius ทำการ implement เรียบร้อยแล้ว แต่ Fahrenheit ยังไม่ได้ทำ คือเราจะทำการเขียนเทสก่อน แล้วค่อยเอาโค๊ดที่ได้ไปแปะไว้ที่ Fahrenheit ทีหลัง

ส่วนโค๊ดก็เป็นดังนี้
โค๊ดสำหรับ Calculator

	package com.javachef.core;
	public interface Calculator
	{
	double toCelsius();
	double toFahrenheit();
	double getValue();
	void setValue(double value);
	}

view raw gistfile1.java hosted with ❤ by GitHub

โค๊ดสำหรับ Celsius

	package com.javachef.core;
	public class Celsius implements Calculator
	{
	protected double c;
	@Override
	public double toCelsius()
	{
	return this.c;
	}
	@Override
	public double toFahrenheit()
	{
	return ( c * 9 ) / 5 + 32;
	}
	@Override
	public double getValue()
	{
	return this.c;
	}
	@Override
	public void setValue(double value)
	{
	this.c = value;
	}
	}

view raw gistfile1.java hosted with ❤ by GitHub

โค๊ดสำหรับ Fahrenheit

	package com.javachef.core;
	public class Fahrenheit
	{
	}

view raw gistfile1.java hosted with ❤ by GitHub

โค๊ดสำหรับ เทส

	package com.javachef.core;
	import static org.junit.Assert.assertEquals;
	import org.junit.Ignore;
	import org.junit.Test;
	public class CalculatorTest
	{
	@Test
	public void testCtoF()
	{
	Celsius celcius = new Celsius();
	Calculator cel = celcius;
	cel.setValue(100);
	assertEquals(212, cel.toFahrenheit(), 0);
	assertEquals(100, celcius.c, 0);
	}
	@Test
	public void testFtoC()
	{
	throw new RuntimeException();
	}
	}

view raw gistfile1.java hosted with ❤ by GitHub

ณ จุดนี้ เวลารัน คุณก็จะได้ อันหนึ่งที่บอกว่าเทสไม่ผ่าน ที่ไม่ผ่านก็เพราะว่าทำการ throw new RuntimeException(); แต่เราต้องการเทส function  double toCelsius(); จาก interface ดังนั้นเราก็ต้องมีคลาส Fahrenheit เพื่อจะได้ทำการ implement ฟังก์ชั่น toCelsius ก่อนอื่น เราก็มาดีไซน์กันก่อนว่าจะให้ทำงานยังไง เราก็เริ่มเขียนเทสก่อนเลยครับ

throw new RuntimeException(); ในที่นี้จะเป็นตัวบอกเราว่าเราทำงานไปถึงไหน มีอะไรทียังรอ. คุณอาจเขียนแบบนี้ก็ได้คือ throw new RuntimeException("Waiting for implement");

ว่าแล้วก็เขียนเทสก่อนสำหรับ Fahrenheit  กันเลยครับ

	@Test
	public void testFtoC()
	{
	Fahrenheit fahrenheit = new Fahrenheit();
	Calculator fah = fahrenheit;
	fah.setValue(212);
	assertEquals(100,fah.toCelsius(),0);
	assertEquals(212,fahrenheit.f , 0);
	}

view raw gistfile1.java hosted with ❤ by GitHub

แต่ว่าตอนนี้ก็ยังรันไม่ผ่าน เพราะคลาส Fahrenheit เราไม่ได้สร้างอะไรไว้เลย ไม่ได้ implements แม้กระทั้ง Calculator  ว่าแล้วก็เริ่มกันเลยครับ

	package com.javachef.core;
	public class Fahrenheit implements Calculator
	{
	protected double f;
	@Override
	public double toCelsius()
	{
	return ( f - 32 ) * 5 / 9 ;
	}
	@Override
	public double toFahrenheit()
	{
	return this.f;
	}
	@Override
	public double getValue()
	{
	return this.f;
	}
	@Override
	public void setValue(double value)
	{
	this.f = value;
	}
	}

view raw gistfile1.java hosted with ❤ by GitHub

พอรันเทสเสร็จ ก็จะผ่านหมด ถ้าไม่หมด ก็ลองดูที่คุณ implement ว่ามีอะไรผิดหรือไม่ จนกว่าเทสเคสจะผ่าน

กลับมาที่ CalculatorTest.java คุณจะเห็นว่า ทุกครั้งที่เราต้องเขียนเทส เราจะสร้าง object ของ Calculator ขึ้นมารัวๆ . Junit เข้าใจวัยรุ่นตรงจุดนี้ ก็เลยสร้าง annotation อีกอันหนึ่งชื่อ @Before ซึ่งตัวนี้หมายความว่า ทุกครั้งที่ Junit จะทำการทดสอบเทสที่เราเขียนไว้ใต้ @Test , Junit จะเรียก @Before ขึ้นมาก่อนทุกครั้งไป.

โอเคแล้วมันหมายความว่าหยั่งใด ก็จะหมายความว่า หากคุณเซตอัพ @Before ไว้แล้ว คราวนี้พอจะเขียนเทสอันต่อไปก็เริ่มเขียนโค๊ดต่อจาก @Before ในส่วนของ @Test ได้เลย ไม่งงนะคนดี ไปดูโค๊ดกันเถอะตัวเอง

	package com.javachef.core;
	import static org.junit.Assert.assertEquals;
	import org.junit.Before;
	import org.junit.BeforeClass;
	import org.junit.Ignore;
	import org.junit.Test;
	public class CalculatorTest
	{
	private Celsius celcius;
	private Fahrenheit fahrenheit;
	@Before
	public void init()
	{
	celcius = new Celsius();
	fahrenheit = new Fahrenheit();
	}
	@Test
	public void testCtoF()
	{
	Calculator cel = celcius;
	cel.setValue(100);
	assertEquals(212, cel.toFahrenheit(), 0);
	assertEquals(100, celcius.c, 0);
	}
	@Test
	public void testFtoC()
	{
	Calculator fah = fahrenheit;
	fah.setValue(212);
	assertEquals(100,fah.toCelsius(),0);
	assertEquals(212,fahrenheit.f , 0);
	}
	}

view raw gistfile1.java hosted with ❤ by GitHub

เวลาเขียนเทส ควรจะเทสเป็นเรื่องๆ ไป ไม่ควรเทสหลายเรื่องในเคสเดียวกัน เพื่อเราจะหาบักได้ง่ายเวลาอะไรมีปัญหาขึ้นมา

พอถึงตรงนี้ คุณจะเริ่มคุ้นกับการเขียนเทสเคสขึ้นมาบ้างแล้ว อันที่จริง เราจะไม่เขียนโค๊ดแล้วมาเทสนะครับ แต่จะเขียนเทสก่อนแล้วค่อยโค๊ด !

แม่นแล้วครับ ศัพท์เทกนิคคือ Test-Driven Development  เอาสั้นๆง่ายๆก่อนนะ แล้วเราจะลงลึกหลังเมื่อถึงเวลา แต่ตอนนี้ก็จะประมาณว่า สมมุติคุณอยากใช้โค๊ดแบบไหน ก็เขียนโค๊ดแบบนั้นลงไปในเทสเคสก่อน แล้วจึ่งค่อยทำการ implement เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ เหมือนโค๊ดข้างบน

โพสต่อไปเราจะมาดูกันเรื่องการเทสเรื่อง exception  และ เทสว่าโปรแกรมทำงานภานในเวลาที่กำหนดหรือไม่ ! น่าสนใจใช่ไหม ไปชมโพสต่อไปกันเลย